สำหรับ วุ้น และ น้ำเมือก ของว่านหางจระเข้นี้ยังไม่มีรายงานการทดลองว่ามีพิษแต่อย่างใด แต่สำหรับ ยาง และลำต้นนั้นอาจเป็นพิษได้ดังรายงานการทดลองต่อไปนี้คือ
ทำให้เป็นไข้และปวดตามข้อ
ปี 2456 ประเทศฮังการี พบว่าเมื่อฉีดสาร อะโลอิน ที่ได้จากยางของว่านหางจระเข้ให้กับสุนัข จะทำให้มันเป็นไข้อยู่นาน 1 วัน และเมื่อทดลองฉีดให้กับสัตว์ปีกทุกวันๆ จะทำให้ร่างกายมันสร้างกรดยูริกเพิ่มขึ้นมากจากปกติถึง 3 เท่าตัว ซึ่งอาจทำให้เกิดเป็นโรคปวดตามข้อได้
เพิ่มการหลั่งกรดในกรเพราะอาหาร
ปี 2512 ที่รัสเซีย มีการทดลองฉีดสารสกัดจากว่านหางจระเข้ให้กับสุนัขทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 20 วัน ปรากฏว่าทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้นกว่าเดิม แต่เมื่อหยุดให้ยาการหลั่งกรดก็กลับสู่สภาพเดิมภายใน 2-3 วัน
ทำให้เป็นมะเร็งในจมูก
ปี 2498 อังกฤษ พบว่าลำต้นว่านหางจระเข้ (ไม่ใช่ใบ) มีสารชนิดหนึ่งชื่อ เบนโซไพริน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องทำให้คนเป็นมะเร็งในจมูก ดังสังเกตได้ว่า ชาวอาฟริกาใต้ที่ชอบนัดยานัตถุ์ที่บดจากลำต้นว่านหางจระเข้จะเป็นโรคมะเร็งในจมูกกันมาก
ใช้แล้วปวดมากขึ้น
มีคนเคยใช้ว่านหางจระเข้แล้วเกิดอาการปวดมากขึ้น คือท้าวถูกตะขามกัด ในตอนแรกใช้น้ำส้มสายชูทาอาการดีขึ้นเล็นน้อย จึงหันมาใช้ว่านหางจระเข้ พอเอาวุ้นแปะลงไปรู้สึกปวดขึ้นมาทันที เท้าบวมขึ้น ปวดทั้งขาและปวดหัวด้วย ปวดจนทนไม่ไหวจนต้องเข้าโรงพยาบาล